การทำ IUI คือ การเตรียมตัวหนทางของผู้มีบุตรยาก

การทำ iui

เชื่อว่ามีหลาย ๆ คู่รักเกิดปัญหาการมีบุตรยาก และกำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาอยู่ และหากใครที่อยากได้วิธีการแก้อย่างมีประสิทธิภาพต้องยอมรับว่าการทำ IUI ในผู้ที่มีปัญหามีบุตรยากคือตัวเลือกที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ซึ่งการทำความเข้าใจหรือรู้ข้อมูลไว้จะช่วยให้คุณแม่สามารถเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง เพิ่มโอกาสการมีลูกอย่างที่ใจปรารถนา

การทำ IUI คืออะไร อัตราความสำเร็จเท่าไร

Intrauterine Insemination หรือการทำ IUI คือ การฉีดอสุจิหรือน้ำเชื่อของคุณพ่อที่ผ่านการคัดแล้วว่าดีที่สุดเข้าสู่โพรงมดลูกโดยมีการใช้สายขนาดเล็ดสอดผ่านปากมดลูกเข้าไปบริเวณโพรง จะช่วยลดการเดินทางของอสุจิได้ดีน้ำเชื้อมีโอกาสไปปฏิสนธิกับไข่ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม อ้างอิงจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ข้อมูลทางสถิติพบว่าอัตราการตั้งครรภ์ต่อรอบการรักษาด้วย IUI เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10–20% โดยปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จ ได้แก่

  • สาเหตุของภาวะมีบุตรยาก เช่น ปัญหาทางฝ่ายชายที่ไม่รุนแรง หรือความผิดปกติของปากมดลูกมักมีโอกาสสำเร็จสูงกว่ากรณีที่เกิดจากภูมิต้านทานต่อตัวอสุจิ
  • อายุของฝ่ายหญิง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของไข่และเยื่อบุโพรงมดลูก
  • ระยะเวลาที่พยายามมีบุตร ยิ่งนานโอกาสตั้งครรภ์ยิ่งลดลง
  • จำนวนรอบการรักษา โดยมักแนะนำไม่เกิน 4–6 รอบ หากไม่สำเร็จควรพิจารณาวิธีเด็กหลอดแก้ว (IVF) เพื่อเพิ่มโอกาสและประเมินการปฏิสนธิได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  • ความสมบูรณ์ของอสุจิ ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดต่อความสำเร็จของการทำ IUI

ทำไมต้องทำ IUI

ในฝ่ายชาย ปกติการหลั่งน้ำเชื้อ 1 ครั้งจะมีอสุจิประมาณ 200 ล้านตัว แต่เมื่อผ่านช่องคลอดที่มีสภาวะเป็นกรดและปากมดลูกที่แคบ อสุจิที่ไปถึงท่อนำไข่จะเหลือเพียง 200–500 ตัว เท่านั้น หากอสุจิของฝ่ายชายมีปัญหา เช่น ปริมาณน้อย ความเข้มข้นต่ำ หรือเคลื่อนที่ไม่ดี โอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติจึงลดลง การทำ IUI จะช่วยคัดกรองและเพิ่มความเข้มข้นของอสุจิ แล้วฉีดตรงเข้าโพรงมดลูก ทำให้จำนวนอสุจิที่มีศักยภาพไปถึงไข่มากขึ้น

ในฝ่ายหญิงบางราย ฝ่ายหญิงอาจมีปัญหาที่ทำให้อสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกได้ยาก เช่น ปากมดลูกตีบ (Cervical stenosis) หรือภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง (เช่น PCOS) การทำ IUI จะช่วยให้แพทย์ควบคุมเวลาในการฉีดเชื้อให้ตรงกับช่วงไข่ตกอย่างแม่นยำ เพิ่มโอกาสที่อสุจิและไข่จะพบกันก่อนที่ไข่จะฝ่อไป

ข้อควรปฏิบัติในการทำ IUI ให้สำเร็จ

ขั้นตอนการทำ IUI

การเตรียมตัวก่อนทำ IUI

การเตรียมตัวก่อนทำ IUI คือการดูแลสุขภาพและปรับสภาพร่างกายของทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายให้พร้อมต่อการตั้งครรภ์ ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มโอกาสให้การปฏิสนธิสำเร็จ แต่ยังเปรียบเสมือนการสร้างพื้นฐานให้ร่างกายแข็งแรงรองรับการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนทั้งกับคุณแม่และทารกในครรภ์ โดยจะมีข้อแนะนำในการเตรียมตัวเพื่อให้การทำ IUI ให้สำเร็จดังต่อไปนี้

  • ปรับเปลี่ยนอาหารการกินที่ต้องเน้นการทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ผัก และผลไม้ และหลีกเลี่ยง แป้ง น้ำตาล ไขมัน และอาหารแปรรูป
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 – 45 นาทีต่อครั้ง ในจำนวนประมาณ 3 – 4 ครั้งต่อสัปดาห์
  • นอนหลับพักผ่อนให้ครบ 6 – 7 ชั่วโมงต่อวัน และควรนอนก่อน 5 ทุ่ม เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ดี
  • หากิจกรรมผ่อนคลายตัวเองอย่าเครียดมากจนเกินไป 
  • ทานวิตามินหรืออาหารเสริมตามที่แพทย์แนะนำ ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย

ขั้นตอนการทำ IUI

  • เมื่อฝ่ายหญิงมีประจำเดือนวันที่ 2 – 3 ของรอบเดือนก็ให้เข้ามาพบแพทย์โดยแพทย์จะให้ทั้งยากระตุ้นไข่ และยากระตุ้นให้ไข่ตก หลังจากนั้นจะนัดวันมาฉีดผสมเชื้อเทียมต่อไป 
  • การเก็บน้ำเชื้อจากผู้ชาย แพทย์จะให้หลั่งเอง จากนั้นก็นำน้ำเชื้อไปทำความสะอาดและทำการตรวจน้ำเชื้อ คัดหลั่งอสุจิให้เหลือแค่ที่สมบูรณ์ ใช้เวลา 1 – 2 ชม. 
  • หลังจากได้เชื้อแพทย์ก็จะฉีดเข้าโพรงมดลูกผู้หญิงโดยตรง ใช้เวลา 20 – 30 นาที

ข้อควรรู้หลังการทำ IUI

  • หลังการฉีดเรียบร้อยควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน 2 – 3 วัน 
  • หากผู้หญิงรู้สึกเจ็บที่ช่องคลอดนานกว่าปกติ ให้พบแพทย์โดยเร็วที่สุด 
  • หลังทำแล้ว ประมาณ 2 สัปดาห์ ควรทำการตรวจครรภ์ซึ่งอาจมีผลการตรวจคลาดเคลื่อนได้ แนะนำให้ตรวจกับโรงพยาบาลหรือคลิกนิกสูตินรีเวชอีกครั้ง 
  • การทำ IUI โดยทั่วไปก็จะทำได้ไม่เกิน 6 ครั้งเท่านั้น

สรุปแล้วการทำ IUI คือ วิธีการช่วยการเจริญพันธุ์ที่แพทย์ฉีดอสุจิที่ผ่านการคัดคุณภาพเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง เพื่อลดระยะทางที่อสุจิต้องเดินทางและเพิ่มโอกาสให้เกิดการปฏิสนธิกับไข่ได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับคู่สมรสที่มีปัญหามีบุตรยากหรือมีภาวะมีบุตรยากไม่ทราบสาเหตุ อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ขั้นตอนไม่ซับซ้อน ใช้เวลารวดเร็ว และมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าวิธีทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ทำให้เป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตร

คำถามเกี่ยวกับการทำ IUI

Q: อายุเกิน 35 ปี ทำ IUI ได้ไหม?

A: สามารถทำ IUI ได้ แต่โอกาสตั้งครรภ์จะน้อยลง เนื่องจากรังไข่และมดลูกเสื่อมตามอายุ ทำให้มีไข่น้อยลง วิธีที่เหมาะสมกว่ามักเป็นการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF หรือ ICSI) อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อายุเกิน 35 ปีควรรีบพบแพทย์ หากพยายามมีบุตรธรรมชาตินาน 6–12 เดือนแล้วยังไม่สำเร็จ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้หญิงควรมีลูกอายุเท่าไร?

Q: อาการหลังทำ IUI แล้วท้องเป็นอย่างไร?

A: อาการจะเหมือนการตั้งครรภ์ทั่วไป โดยสัญญาณที่ชัดคือ ประจำเดือนไม่มา หลังฉีดเชื้อประมาณ 2 สัปดาห์ หากขาดประจำเดือนเกินกำหนด ควรตรวจเลือดยืนยันการตั้งครรภ์โดยแพทย์

Q: การทำ IUI เลือกเพศลูกได้ไหม?

A: ไม่สามารถเลือกเพศลูกได้ เพราะการปฏิสนธิเกิดขึ้นภายในร่างกาย ไม่ได้อยู่ในห้องแล็บ อีกทั้งกฎหมายไทยยังไม่อนุญาตให้เลือกเพศบุตรจากการทำเด็กหลอดแก้วหรือวิธีใด ๆ

Q: การทำ IUI สามารถมีลูกแฝดได้ไหม?

A: มีโอกาสได้ลูกแฝด แต่ไม่สามารถกำหนดได้แน่นอน การฉีดยากระตุ้นไข่ตกอาจทำให้ตกหลายฟองพร้อมกัน จึงเกิดการปฏิสนธิกับหลายไข่ หรือเกิดแฝดจากไข่ใบเดียวกันได้ เช่นเดียวกับการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ

การทำ IUI นั้นมีโอกาสท้องมากกว่าการมีเพศสัมพันธ์ทางธรรมชาติ หรือการนับวันไข่ตก แต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่ไม่สามารถทำหลายรอบได้ ดังนั้น หากใครที่เคยทำ IUI มาหลายครั้งแต่ยังไม่ติด ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการอย่างละเอียดอีกครั้ง จะได้รู้ปัญหาที่มีของตัวเองต่อการมีบุตรและหาแนวทางอื่นๆ ทาง W-life คลินิกนรีเวช มีแพคเกจฉีดน้ำเชื้อ IUI หากสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางติดต่อด้านล่าง

สูตินรีแพทย์ของ wlife clinic
นพ. พฤฒพร มณีรัตน์

สูตินรีแพทย์อนุสาขาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
ประกาศนียบัตรด้านการผ่าตัดผ่านกล้องนรีเวช

ช่องทางนัดหมายแพทย์