วิธีดูที่ตรวจครรภ์ เช็กให้ชัวร์ว่าท้องไหม?

วิธีใช้ที่ตรวจครรภ์

สำหรับสาวคนไหนที่กำลังสงสัยว่าตัวเองตั้งครรภ์หรือไม่ นอกจากการสังเกตอาการคนท้องแล้ว เพื่อความแน่ใจยังควรตรวจการตั้งครรภ์อีกด้วย เอาให้รู้เรื่องกันไปเลยว่าเจ้าตัวเล็กจะมาแน่ ๆ โดยอาจจะไปตรวจกับหมอที่โรงพยาบาล หรือใช้ที่ตรวจครรภ์ ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปก็ได้ ซึ่งวิธีดูที่ตรวจครรภ์นั้น สามารถทำตามขั้นตอนได้ง่าย ๆ ดังนี้

อาการบ่งบอกว่ากำลังตั้งครรภ์

ก่อนที่จะหาวิธีดูที่ตรวจครรภ์ ลองสังเกตอาการคนท้องดูก่อน เพราะผู้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนจะมี ฮอร์โมน hCG หรือฮอร์โมนที่เรียกว่า Human Chorionic Gonadotropin อยู่ในร่างกาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะหลั่งออกมาเมื่อไข่ที่ปฏิสนธิฝังตัวในผนังมดลูกแล้ว ทำให้ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง อาการที่พบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ เช่น

  • ประจำเดือนขาด ถือเป็นสัญญาณสำคัญอันดับแรก โดยเฉพาะผู้ที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอ
  • คลื่นไส้ อาเจียน (โดยเฉพาะช่วงเช้า) เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  • เจ็บคัดเต้านม เต้านมขยาย หรือหัวนมสีเข้มขึ้น
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เวียนศีรษะ
  • ปัสสาวะบ่อยขึ้น
  • ไวต่อกลิ่นและรสชาติอาหารมากกว่าปกติ

วิธีดูที่ตรวจครรภ์

วิธีดูที่ตรวจครรภ์ให้ได้ผลและแม่นยำที่สุด ก็คือช่วงเช้าหรือหลังตื่นนอน เนื่องจากปัสสาวะมีความเข้มข้นของฮอร์โมน hCG สูงที่สุด ทำให้ผลตรวจออกมาแม่นยำสูงนั่นเอง โดยจะมีวิธีการตรวจ 5 วิธี ดังนี้

1. วิธีตรวจครรภ์แบบจุ่ม (Strip Test)

วิธีตรวจครรภ์แบบจุ่มได้รับความนิยมมาก ๆ ซึ่งวิธีดูที่ตรวจครรภ์ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

วิธีใช้ที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม

  1. เก็บปัสสาวะใส่ภาชนะที่สะอาดและแห้ง
  2. ถือแถบตรวจด้านลูกศรลง
  3. จุ่มปลายแถบลงในปัสสาวะ ไม่เกินขีดที่กำหนด
  4. รอประมาณ 3–5 นาที แล้วดูผล

วิธีดูที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม

  • ขึ้น 2 ขีด = ตั้งครรภ์
  • ขึ้น 1 ขีด = ไม่ตั้งครรภ์
  • ไม่ขึ้นขีดเลย = ชุดตรวจอาจเสียหรือใช้ผิดวิธี

ข้อควรรู้ใน

  • ห้ามจุ่มลึกเกินเส้นกำหนด
  • ห้ามจับบริเวณแถบทดสอบ

2. วิธีใช้ที่ตรวจครรภ์แบบปากกา (Midstream)

ที่ตรวจครรภ์แบบปากกาก็เป็นอีกหนึ่งแบบที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันเช่นเดียวกัน เพราะใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้ภาชนะรองรับปัสสาวะ ซึ่งวิธีใช้ที่ตรวจครรภ์แบบปากกานั้น มีอยู่ 4 ขั้นตอน ได้แก่

วิธีใช้ที่ตรวจครรภ์แบบปากกา

  1. เปิดฝาครอบปลายที่ตรวจ
  2. ปัสสาวะผ่านแท่งตรวจประมาณ 5–10 วินาที
  3. ปิดฝาแล้ววางราบ
  4. รอประมาณ 1–5 นาที แล้วอ่านผล

วิธีดูที่ตรวจครรภ์แบบปากกา

  • สัญลักษณ์ + หรือ 2 ขีด = ตั้งครรภ์
  • สัญลักษณ์ – หรือ 1 ขีด = ไม่ตั้งครรภ์

ข้อควรรู้

  • ไม่ควรฉี่บนแถบตรวจนานเกินไป
  • ไม่ควรเขย่าแท่งหลังใช้งาน

3. วิธีใช้ที่ตรวจครรภ์แบบหยด หรือแบบตลับ (Cassette Test)

สำหรับวิธีใช้ที่ตรวจครรภ์แบบหยดหรือแบบตลับนั้น สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

วิธีใช้ที่ตรวจครรภ์แบบหยดหรือแบบตลับ

  1. เก็บปัสสาวะใส่ภาชนะ
  2. ใช้หลอดดูดปัสสาวะขึ้นมา
  3. หยดลงช่องทดสอบประมาณ 2–3 หยด
  4. รอ 1–5 นาที แล้วดูผล

วิธีดูที่ตรวจครรภ์แบบหยดหรือแบบตลับ

  • ขึ้น 2 ขีด = ตั้งครรภ์
  • ขึ้น 1 ขีด = ไม่ตั้งครรภ์

ข้อควรรู้

  • อย่าหยดน้ำยามากเกินไป
  • วางตลับบนพื้นราบเสมอ

3. การตรวจภายในห้องปฏิบัติการ (Laboratory Test)

วิธีเช็คการตั้งครรภ์ที่แม่นยำมากที่สุดก็คือการตรวจภายในห้องปฏิบัติการ ซึ่งมักจะตรวจในโรงพยาบาลหรือคลินิก โดยใช้เครื่องมือเฉพาะทางในการวิเคราะห์ ทำให้ผลตรวจมีความแม่นยำสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความชัดเจนตั้งแต่ระยะแรก

4. การตรวจด้วยการเจาะเลือด

ข้อมูลจาก Medlabsgroup ระบุเอาไว้ว่า การตรวจครรภ์ด้วยการเจาะเลือด เป็นการเช็คการตั้งครรภ์ด้วยการตรวจหาระดับ hCG ในเลือด ซึ่งสามารถตรวจพบได้เร็วกว่าการตรวจการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะ ทั้งยังบอกระดับฮอร์โมนได้อีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามความคืบหน้าของการตั้งครรภ์

5. การตรวจด้วยการอัลตร้าซาวด์

การตรวจครรภ์ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง เช่น การอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ มักทำเพื่อดูถุงการตั้งครรภ์และตัวอ่อนในมดลูก โดยทั่วไปจะเห็นชัดขึ้นเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 5–6 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งจะช่วยยืนยันตำแหน่งการฝังตัวของตัวอ่อนได้อย่างแม่นยำ

ถ้ารู้ว่าตั้งครรภ์ ต้องทำอย่างไรบ้าง?

หากถามว่าเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ ควรทําอย่างไร? หลังจากรู้วิธีดูที่ตรวจครรภ์และทราบว่าตั้งครรภ์แล้ว บรรดาคุณแม่ทั้งมือใหม่และมือโปร ควรดูแลสุขภาพของตนให้เหมาะสม เพื่อสุขภาวะที่ดีของตัวเองและลูกในท้อง เช่น นัดพบแพทย์และฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอ, ทานอาหารที่มีกรดโฟลิกเพื่อลดความเสี่ยงความพิการของทารก, งดแอลกอฮอล์ และพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้นสรุปได้ว่า วิธีดูที่ตรวจครรภ์ให้ได้ผล คือ ต้องใช้อย่างถูกวิธีและตรวจในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ผลลัพธ์มีความแม่นยำขึ้น และหากทราบว่าตั้งครรภ์แล้ว ควรไปตรวจที่คลินิกสูตินรีเวชเพิ่มเติม และทำการฝากภรรภ์ให้เร็วที่สุด ที่สำคัญ อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอ ดภัยของตัวคุณแม่เอง และลูกน้อยในท้องด้วย

สูตินรีแพทย์ของ wlife clinic
นพ. พฤฒพร มณีรัตน์

สูตินรีแพทย์อนุสาขาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
ประกาศนียบัตรด้านการผ่าตัดผ่านกล้องนรีเวช

ช่องทางนัดหมายแพทย์