ทำไมถึงควรตรวจสุขภาพผู้สูงอายุเป็นประจำ และควรตรวจอะไรบ้าง

ตรวจสุขภาพผู้สูงอายุ

ทำไมถึงควรตรวจสุขภาพผู้สูงอายุเป็นประจำ ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ทำให้อายุขัยของคนเรายืนยาวขึ้น ร่วมกับอัตราการเกิดที่ลดลงทำให้โลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในปัจจุบัน “ผู้สูงอายุ” ผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี ซึ่งเมื่ออายุมากขึ้นระบบการทำงานต่าง ๆ ในร่างกายย่อมเสื่อมถอยลงทำให้เกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ รวมถึงโรคมะเร็งสูงขึ้น การตรวจร่างกายผู้สูงอายุอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับคนกลุ่มนี้ครับ

จากการตรวจโรคที่มักพบบ่อยในผู้สูงอายุ

จากผลการตรวจสุขภาพผู้สูงอายุและตรวจร่างกายผู้สูงอายุโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) มักพบโรคที่สัมพันธ์กับภาวะความเสื่อมที่เกิดจากการสะสมตั้งแต่วัยหนุ่มสาวหรือวัยทำงาน แต่ไม่ได้รับการรักษาหรือการดูแลอย่างต่อเนื่อง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจขาดเลือดหรือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อาการสับสนและสูญเสียความทรงจำ ภาวะสมองเสื่อม อาการนอนไม่หลับ ภาวะซึมเศร้า ปัญหาการกลั้นการขับถ่ายไม่อยู่  และปัญหาการได้ยิน ในขณะที่โรคมะเร็งก็เป็นโรคที่พบบ่อยขึ้นเช่นกันเนื่องจากการแบ่งเซลล์ของผู้สูงอายุมักผิดปกติไปทำให้กลายเป็นเซลล์ต้นกำเนิดมะเร็งขึ้น

โปรแกรมตรวจสุขภาพผู้สูงอายุ ควรตรวจอะไรบ้าง?

การตรวจสุขภาพผู้สูงอายุควรมีความครอบคลุมทั้งการส่งเสริมสุขภาพทั่วไป การป้องกันโรค การคัดกรองโรคที่เกิดจากความเสื่อม และการตรวจหาโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้น เหตุผลเนื่องจากโรคในผู้สูงอายุจำนวนมากมักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะต้น หากไม่ได้รับการตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจลุกลามจนรักษาได้ยากหรือมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ยกตัวอย่างเช่น โรคความดันโลหิตสูง หลายคนไม่รู้ตัวเพราะไม่มีอาการ แต่เมื่อปล่อยทิ้งไว้นานอาจเกิดอัมพฤกษ์หรือหัวใจวาย หรือโรคมะเร็ง หลายชนิดหากตรวจพบในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่หรือมะเร็งเต้านม โดยการตรวจที่แนะนำมีรายละเอียดโดยสรุปดังนี้

1. การตรวจสุขภาพทั่วไป

การตรวจสุขภาพผู้สูงอายุควรเริ่มจากการประเมินสภาพร่างกายโดยรวม เพื่อดูว่ามีความผิดปกติที่ต้องติดตามหรือไม่ รวมถึงใช้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับผลตรวจครั้งก่อน ๆ เพื่อประเมินแนวโน้มสุขภาพ

  • การตรวจสัญญาณชีพ ได้แก่ ความดันโลหิต ชีพจร อัตราการหายใจ น้ำหนัก และส่วนสูง เพื่อตรวจหาความผิดปกติ เช่น ความดันโลหิตสูงหรือการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวที่บ่งบอกถึงโรคเรื้อรังหรือภาวะทุพโภชนาการ
  • การตรวจวัดสายตาและการได้ยิน เพื่อประเมินการมองเห็นและการรับเสียง เนื่องจากปัญหาสายตาหรือการได้ยินที่ถดถอยอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือตัดขาดจากสังคม
  • การตรวจสุขภาพฟันและช่องปาก เพื่อดูว่ามีฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือปัญหาการบดเคี้ยวอาหารหรือไม่ เพราะปัญหาสุขภาพช่องปากส่งผลโดยตรงต่อภาวะโภชนาการและสุขภาพโดยรวม
  • การตรวจสมรรถนะการเคลื่อนไหวและสมดุล เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการหกล้ม ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในผู้สูงอายุ เพราะการหกล้มอาจทำให้เกิดกระดูกหักหรือภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
  • การประเมินสุขภาพจิตและสภาวะสมอง โดยเฉพาะการประเมินความจำ สมาธิ และอารมณ์ เพื่อค้นหาภาวะสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ หรือโรคซึมเศร้าในระยะเริ่มต้น เนื่องจากปัญหาเหล่านี้มักไม่ถูกสังเกตเห็นจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การตรวจประเมินอย่างสม่ำเสมอช่วยให้สามารถวางแผนดูแลและรักษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

2. การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อคัดกรองความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ

การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจภาพรังสีช่วยประเมินสภาวะเสื่อมของอวัยวะที่มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ เพื่อค้นหาความผิดปกติที่อาจยังไม่แสดงอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนในอนาคต

  • คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram) เพื่อตรวจหาความผิดปกติของจังหวะการเต้นหัวใจ หลอดเลือดหัวใจขาดเลือด หรือโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะซึ่งพบบ่อยในผู้สูงอายุ
  • ภาพรังสีทรวงอก (Chest X-ray) เพื่อดูโครงสร้างของปอดและหัวใจ สามารถตรวจพบภาวะปอดอักเสบ หัวใจโต หรือโรคหลอดเลือดหัวใจบางชนิดได้
  • ระดับน้ำตาลในเลือด (Blood glucose) และไขมันในเลือด (Lipid profile) เพื่อประเมินความเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคหลอดเลือดหัวใจ รวมถึงติดตามผลการควบคุมอาหารและการใช้ยา
  • ค่าการทำงานของตับ (Liver function test) เพื่อดูว่าตับยังทำงานได้ดีหรือไม่ สามารถตรวจพบโรคตับเรื้อรังหรือตับอักเสบที่ยังไม่แสดงอาการ
  • ค่าการทำงานของไต (Creatinine) เพื่อประเมินการทำงานของไต ซึ่งมักเสื่อมลงตามอายุหรือเกิดจากโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง
  • ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete blood count) เพื่อดูภาวะโลหิตจาง การติดเชื้อเรื้อรัง หรือความผิดปกติของระบบเลือด
  • ระดับฮอร์โมนไทรอยด์ (Thyroid function test) เพื่อค้นหาภาวะไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือซึมเศร้าโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • การตรวจวัดค่ามวลกระดูก (Bone mineral density) เพื่อประเมินภาวะกระดูกพรุนซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของกระดูกหักเมื่อหกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย

3. การตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง

การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุ เพราะมะเร็งหลายชนิดไม่มีอาการในระยะแรก หากตรวจพบได้เร็วจะมีโอกาสรักษาให้หายขาดหรือควบคุมโรคได้ดีกว่ามาก

  • มะเร็งปอด ตรวจภาพรังสีทรวงอก (Chest X-ray) เพื่อค้นหาความผิดปกติของปอดในระยะแรก โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่หรือเคยสัมผัสมลพิษทางอากาศเป็นเวลานาน
  • มะเร็งทางเดินอาหาร ตรวจอุจจาระเพื่อดูว่ามีเลือดปนหรือไม่, ส่องกล้องทางเดินอาหารเพื่อหาติ่งเนื้อหรือก้อนเนื้อที่เสี่ยงกลายเป็นมะเร็ง และตรวจค่าบ่งชี้มะเร็ง Carcinoembryonic antigen (CEA) เพื่อใช้ติดตามความผิดปกติ
  • มะเร็งเต้านม ตรวจภาพรังสีเต้านม (Mammogram) เป็นวิธีมาตรฐานสำหรับผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป เพื่อค้นหาก้อนเนื้อหรือความผิดปกติในเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
  • มะเร็งตับและทางเดินน้ำดี ตรวจค่าการทำงานของตับ (Liver function test) และอัลตราซาวด์ช่องท้อง เพื่อค้นหาก้อนเนื้อหรือตับแข็งที่อาจพัฒนาเป็นมะเร็ง โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติตับอักเสบเรื้อรังหรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • มะเร็งต่อมลูกหมาก ตรวจค่ามะเร็ง Prostate Specific Antigen (PSA) ในเลือด เพื่อประเมินความเสี่ยงและค้นหามะเร็งต่อมลูกหมากในระยะเริ่มต้น ซึ่งมักไม่มีอาการชัดเจน
  • มะเร็งปากมดลูก ตรวจภายในเพื่อคัดกรองเซลล์ผิดปกติ (Pap smear) ร่วมกับการตรวจหาเชื้อเอชพีวี (HPV test) และการส่องกล้องมะเร็งปากมดลูกในกรณีที่พบความผิดปกติ
  • มะเร็งมดลูกและรังไข่ ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องหรือทางช่องคลอดเพื่อดูโครงสร้างของมดลูกและรังไข่ รวมทั้งตรวจค่าบ่งชี้มะเร็งกรณีที่พบก้อนหรือสิ่งผิดปกติ เพื่อยืนยันและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพผู้สูงอายุ

เมื่อรู้จักกับโปรแกรมตรวจร่างกายผู้สูงอายุกันไปแล้ว อีกสิ่งที่อย่ามองข้ามเด็ดขาดนั่นคือการเตรียมตนเองให้พร้อมเพื่อให้ผลตรวจออกมาถูกต้อง แม่นยำ บ่งบอกถึงสุขภาพได้ชัดเจนมากที่สุด

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะคืนก่อนเข้ารับการตรวจ ควรนอนอย่างน้อย 6–8 ชั่วโมง เพราะการพักผ่อนที่ไม่เพียงพออาจส่งผลให้ความดันโลหิต หัวใจ และระดับฮอร์โมนผิดปกติ ทำให้ผลตรวจคลาดเคลื่อน
  • งดอาหารและน้ำดื่ม (จิบน้ำเปล่าได้) 8–10 ชั่วโมง ก่อนการตรวจระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด เนื่องจากอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่งรับประทานจะทำให้ระดับน้ำตาลและไขมันสูงชั่วคราว ซึ่งอาจทำให้ผลตรวจไม่สะท้อนค่าจริงของร่างกาย
  • กรณีมียาที่ใช้ประจำ ต้องแจ้งแพทย์หรือพยาบาลล่วงหน้า เพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องหยุดยาก่อนตรวจหรือไม่ ยาบางชนิด เช่น ยาลดน้ำตาลในเลือด ยาลดไขมัน หรือยาความดันโลหิต อาจส่งผลต่อค่าตรวจโดยตรงหรือทำให้ผลบางอย่างคลาดเคลื่อน การแจ้งให้ทราบจะช่วยให้แพทย์ตีความผลได้ถูกต้องและปรับแผนตรวจหรือการใช้ยาได้อย่างปลอดภัย

อย่างไรก็ตามโรคที่กล่าวมาทั้งหมด พบในกลุ่มอายุต่างกันอีกทั้งแต่ละคนยังมีปัจจัยเสี่ยงเฉพาะตัว เช่น คนที่สูบบุหรี่จะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด เป็นต้น หมอจึงแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อโรคก่อนที่จะเลือกรายการตรวจคัดกรองโรคเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้สูงอายุ สำหรับคลินิกของเราก็มีแพคเกจตรวจสุขภาพผู้สูงอายุ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือนัดหมายเพื่อเข้าตรวจได้ทางด้านล่างนี้ได้เลย

นพ. พฤฒพร มณีรัตน์

นพ. พฤฒพร มณีรัตน์

สูตินรีแพทย์อนุสาขาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
ประกาศนียบัตรด้านการผ่าตัดผ่านกล้องนรีเวช

นัดหมายแพทย์