เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด สาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษา
อาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างฮอร์โมนไม่สมดุล ไปจนถึงโรคติดเชื้อและโรคร้ายแรงอื่น ๆ อาทิ เนื้องอกและมะเร็ง ฉะนั้นหากพบเลือดออกทางช่องคลอดในปริมาณมากหรือนานกว่า 1 สัปดาห์ ร่วมกับอาการปวดท้องน้อย ปวดอุ้งเชิงกรานอย่างรุนแรง เวียนศีรษะ มีไข้ หรือมีภาวะซีดผิดปกติ ย่อมไม่ควรมองข้ามและควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เพื่อให้การรักษาสามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงที
เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดคืออะไร
ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์จะมีประจำเดือนทุก 21-35 วัน แต่ละรอบไม่เกิน 5-7 วัน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ อาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดจึงหมายถึงการมีเลือดออกโดยไม่สัมพันธ์กับระยะการมีประจำเดือน ซึ่งอาจรวมถึงการมีเลือดออกระหว่างรอบเดือน โดยมีเลือดออกกะปริบกะปรอยในช่วงก่อนหรือนอกระยะประจำเดือน มีเลือดออกปริมาณมากหรือยาวนานผิดปกติ มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ตลอดจนการมีเลือดออกหลังถึงวัยหมดประจำเดือนและประจำเดือนหยุดลงแล้วอย่างน้อย 12 เดือน
สาเหตุของเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
1. สาเหตุทั่วไปของเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
อาจเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนทำให้การมีประจำเดือนผิดปกติ การใช้ยาคุมกำเนิด โดยช่วงแรกของการทานยา ร่างกายจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับฮอร์โมนชนิดใหม่ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอาการเลือดออกกะปริบกะปรอย ทั้งนี้ยังรวมถึงการลืมทานยา การเปลี่ยนยา และการใช้ยาในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลต่อระดับฮอร์โมนและทำให้เกิดอาการเลือดออกผิดปกติ
2. สาเหตุอันตรายที่ของเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
เกิดจากโรคร้ายแรงและภาวะผิดปกติของร่างกาย ได้แก่
- มะเร็ง เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งรังไข่ และมะเร็งช่องคลอด
- ภาวะก่อนเป็นมะเร็ง เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว ซึ่งอาจลุกลามเป็นมะเร็งได้หากไม่ได้รับการรักษา
- การติดเชื้อรุนแรง เช่น โรคอักเสบในอุ้งเชิงกราน (PID) ปากมดลูกอักเสบ เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ และการติดเชื้อร้ายแรงอื่น ๆ
- การตั้งครรภ์นอกมดลูก มักเกิดขึ้นในท่อนำไข่ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- การแท้งบุตรก่อนสัปดาห์ที่ 20
- เนื้องอกในมดลูก อาจทำให้มีเลือดออกมากหรือไม่สม่ำเสมอ
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกชั้นในทะลุผ่านผนังกล้ามเนื้อของมดลูก
การตรวจวินิจฉัยอาการเลือดออกผิดปกติ
- ตรวจสอบประวัติทางการแพทย์ เมื่อพบว่ามีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย โดยแพทย์จะซักประวัติเกี่ยวกับการมีประจำเดือน ประวัติการรักษา การใช้ยา และการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพ
- ตรวจร่างกาย ตรวจอุ้งเชิงกราน หรือการตรวจภายใน เพื่อตรวจความผิดปกติเกี่ยวกับมดลูกและรังไข่
- การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยเก็บตัวอย่างจากปากมดลูกเพื่อนำไปตรวจหาการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และมะเร็งปากมดลูก
- ตรวจการตั้งครรภ์ เพื่อหาภาวะการตั้งครรภ์นอกมดลูก ภาวะรกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด หรือการแท้งบุตร
- ตรวจเม็ดเลือด เพื่อดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด กรณีเลือดออกมากจนเกิดภาวะโลหิตจาง
- ตรวจเลือด เพื่อดูความผิดปกติของการทำงานต่าง ๆ เช่น ต่อมไทรอยด์ ตับ ไต และฮอร์โมนเพศ
การรักษาอาการเลือดออกผิดปกติ
วิธีการรักษาอาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด จะขึ้นอยู่กับสาเหตุของแต่ละอาการ แต่โดยทั่วไปอาจมีวิธีการรักษาดังนี้
- การใช้ยา เพื่อปรับฮอร์โมนและควบคุมการมีประจำเดือนให้เป็นปกติ อาจมีการใช้ยาเพื่อช่วยลดการสูญเสียเลือดในระหว่างมีประจำเดือนและบรรเทาอาการปวด รวมถึงยาบำรุงเลือดในกรณีที่มีภาวะโลหิตจาง สำหรับสตรีวัยหมดประจำเดือน อาจให้เอสโตรเจนเพื่อควบคุมอาการเลือดออก
- การผ่าตัด เช่น การผ่าตัดเอาเยื่อบุโพรงมดลูกออกเพื่อลดหรือหยุดเลือดออก การผ่าตัดเพื่อขัดขวางการไหลเวียนของเลือดไปยังเนื้องอก ทำให้เนื้องอกหดตัวลงและลดอาการเลือดออก การผ่าตัดเอาเนื้องอกออก การขยายและขูดมดลูกซึ่งเป็นขั้นตอนในการเอาเยื่อบุโพรงมดลูกและเนื้อเยื่อผิดปกติออก
- การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิต การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และลดความเครียดจะช่วยลดอาการเลือดออกผิดปกติได้
เลือดออกทางช่องคลอดอาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ ควรสังเกตตัวเองเพื่อที่จะรับมือได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ผู้หญิงอายุ 25-30 ปีขึ้นไปควรเข้ารับการตรวจภายในเป็นประจำทุกปี เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรค หรือหากมีปัญหาข้อสงสัยไม่แน่ใจ ควรติดต่อคลินิกสูตินรีเวชใกล้บ้านเพื่อตรวจสอบและระบุสาเหตุเบื้องต้น การวินิจฉัยและการรักษาในระยะเริ่มแรกจะช่วยลดความร้ายแรงของโรค ตลอดจนทำให้การรักษาง่ายขึ้น ทางดับเบิ้ลยูไลฟ์คลีนิคมีบริการแพคเกจตรวจหาสาเหตุเลือดออกผิดปกติ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางไลน์ @wlife1