PCOS คืออะไร? เข้าใจภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ ที่ผู้หญิงควรรู้

PCOS คือ

ภาวะ PCOS  (Polycystic Ovary Syndrome) หรือที่เรียกว่า “ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ” เป็นหนึ่งในความผิดปกติทางฮอร์โมนที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 20–35 ปี ซึ่งอาจส่งผลต่อรอบเดือน ผิวพรรณ น้ำหนัก และการมีบุตร แม้จะฟังดูร้ายแรง แต่ความเป็นจริงแล้ว สามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม ซึ่งในบทความนี้ เราจะพามารู้จักกับโรคนี้กัน! PCOS คือ อาการเป็นอย่างไร โรคถุงน้ําในรังไข่หลายใบรักษาดูแลยังไง? ที่นี่มีคำตอบ

PCOS คืออะไร

PCOS คือ ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลที่กระทบต่อการทำงานของรังไข่ ทำให้การตกไข่ผิดปกติ และมีอาการทางผิวพรรณหรือรอบเดือนร่วมด้วย มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ 

สาเหตุการเกิดโรค PCOS

1. ความไม่สมดุลของฮอร์โมน

ในร่างกายผู้หญิงจะมีฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน) และฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) อยู่ร่วมกันในสัดส่วนที่เหมาะสม แต่ในผู้ที่มีภาวะ PCOS หรือมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบนั้น เป็นเพราะร่างกายมีการผลิตฮอร์โมนเพศชาย หรือ Androgen (แอนโดรเจน) มากเกินไป จนไปรบกวนการทำงานของรังไข่ ทำให้ไม่สามารถตกไข่ได้ตามปกติ

2. ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance)

อีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดโรค PCOS คือ ร่างกายผลิตอินซูลินมากเกินกว่าที่เซลล์จะนำไปใช้ได้ ส่งผลให้ระดับอินซูลินในเลือดสูง และกระตุ้นให้รังไข่ผลิตฮอร์โมนเพศชายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีภาวะน้ำหนักเกิน หรือมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมาก มักมีความเสี่ยงต่อภาวะดื้อต่ออินซูลินสูงมาก

3. พันธุกรรม

รายงานการวิจัยของ NICHD ได้สรุปเอาไว้ว่า มี Gene Variants หรือ ตัวแปรทางพันธุกรรมหลายชนิดที่เชื่อมโยงกับโรค PCOS ซึ่งหากคนในครอบครัว เช่น แม่ หรือพี่สาว เคยมีภาวะ PCOS ก็จะเพิ่มโอกาสเกิดภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบไปยังรุ่นลูกได้

อาการของโรค Pcos คือ อาการเป็นอย่างไร?

1. รอบเดือนมาไม่ปกติ

หากเป็นภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ อาการที่เห็นได้ชัดก็คือ จะมีรอบเดือนมาไม่ปกติ ซึ่งเกิดจากการที่รังไข่ไม่ตกไข่ตามรอบเดือนปกติ ทำให้ระดับฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมดุล โดยลักษณะอาการของโรค Pcos ที่พบบ่อย ก็คือ

  • ประจำเดือนมาห่าง มากกว่า 35 วันต่อรอบ หรือปีหนึ่งมาน้อยกว่า 8 ครั้ง
  • ขาดประจำเดือนหลายเดือนติดต่อกัน (Amenorrhea)
  • ประจำเดือนมาน้อย หรือมาบ่อยเกินไป
  • มีเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน

ในบางราย หากร่างกายไม่ตกไข่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ในระยะยาว

2. ฮอร์โมนเพศชายสูง

ผู้หญิงที่เป็นโรค PCOS มักจะมีระดับฮอร์โมนเพศชาย (Androgen) สูงกว่าปกติ ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการที่เห็นได้ชัดทางผิวหนังและเส้นผม โดยหากมีถุงน้ําในรังไข่หลายใบ อาการที่พบได้บ่อย จะมีดังนี้

  • สิวเรื้อรัง โดยเฉพาะบริเวณคาง กราม และลำคอ ซึ่งมักไม่ดีขึ้นแม้จะรักษาด้วยวิธีทั่วไป
  • ขนดกผิดปกติ (Hirsutism) มีขนหนาและเข้มขึ้นบริเวณใบหน้า หน้าอก หลัง หรือหน้าท้อง
  • ผมบางหรือศีรษะล้านแบบผู้ชาย (Male-pattern baldness) เกิดจากผลของฮอร์โมนแอนโดรเจนต่อรูขุมขน

ถุงน้ําในรังไข่หลายใบ อาการของโรค อาจส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเอง แต่สามารถควบคุมได้ด้วยการรักษาฮอร์โมนให้สมดุล และดูแลผิวพรรณร่วมกับแพทย์ผิวหนังหรือสูตินรีแพทย์

3. มีถุงน้ำเล็ก ๆ ในรังไข่

เมื่อทำการตรวจด้วยอัลตราซาวด์ช่องท้องหรือทางช่องคลอด อาจพบถุงน้ำขนาดเล็กจำนวนมากในรังไข่ ซึ่งเป็นผลจากการที่ไข่ไม่ตกและค้างอยู่ในระยะฟอลลิเคิล (Follicle) แต่การพบถุงน้ำในรังไข่เพียงอย่างเดียว ไม่ได้หมายความว่าเป็น PCOS เสมอไป โดยแพทย์จะต้องประเมิน ร่วมกับอาการทางคลินิกด้วย เช่น รอบเดือนผิดปกติ, สิว, ขนดก และดูระดับฮอร์โมนจากผลตรวจเลือด จึงจะสามารถวินิจฉัยภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบได้อย่างถูกต้อง

การวินิจฉัยภาวะ PCOS ของแพทย์

แพทย์เฉพาะทางของคลินิกสูตินรีเวช จะวินิจฉัยโดยใช้เกณฑ์ Rotterdam Criteria ซึ่งต้องมีอย่างน้อย 2 ใน 3 ข้อต่อไปนี้ 

  1. รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือไม่มีการตกไข่ (Oligo-/Anovulation)
    • ประจำเดือนมาห่าง (มากกว่า 35 วันต่อรอบ)
    • ขาดประจำเดือนหลายเดือนติดต่อกัน
    • รอบเดือนมาไม่แน่นอน ซึ่งบ่งบอกว่าร่างกายอาจไม่ตกไข่เป็นประจำ
  2. มีอาการของฮอร์โมนเพศชายสูง (Hyperandrogenism)
    • มีสิวเรื้อรังบริเวณคางและกราม
    • มีขนดกผิดปกติ (หน้าอก หลัง หน้าท้อง)
    • ผมร่วงหรือศีรษะล้านแบบผู้ชาย
    • หรือพบระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนในเลือดสูงผิดปกติ
  3. ตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound) พบถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (Polycystic Ovaries)
    • ภาพอัลตราซาวด์จะพบถุงน้ำเล็ก ๆ (follicles) มากกว่า 12 ใบในรังไข่ข้างใดข้างหนึ่ง หรือขนาดรังไข่ใหญ่กว่าปกติ (มากกว่า 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร)
    • สามารถตรวจอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ กรุงเทพมหานครได้ที่คลินิกเฉพาะทางทั่วไป

โดยอาจมีการตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมน, น้ำตาล, และไขมันในเลือด เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย

ผลกระทบหากไม่ได้รับการรักษาโรค PCOS

ผลกระทบหากไม่ได้รักษาโรค PCOS คือ ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่าง ๆ ดังนี้

  • เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว หรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
  • โรคเบาหวานชนิดที่ 2
  • ความดันโลหิตสูง
  • ภาวะมีบุตรยาก
  • โรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคต

โรค PCOS ตรวจยังไงและรักษาอย่างไร?

หากถามว่าโรค PCOS ตรวจยังไง? ต้องบอกเลยว่า ภาวะถุงน้ําในรังไข่หลายใบรักษาตามอาการและเป้าหมายของผู้ป่วย โดยแพทย์จะวางแผนเฉพาะบุคคล เช่น

การใช้ยา

  • ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive Pills) ใช้ปรับรอบเดือนให้สม่ำเสมอ ลดอาการสิว และลดระดับฮอร์โมนเพศชายในร่างกาย
  • ยาลดระดับแอนโดรเจน (Anti-Androgen Medication) เช่น Spironolactone สำหรับผู้ที่มีอาการขนดกมาก หรือสิวเรื้อรังที่รักษาทั่วไปไม่หาย
  • ยาช่วยตกไข่ (Ovulation Induction Drugs) เช่น Clomiphene Citrate หรือ Letrozole สำหรับผู้ที่ต้องการตั้งครรภ์
    เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตกไข่ตามปกติ
  • ยาลดอินซูลิน (Metformin) สำหรับผู้ที่มีภาวะดื้อต่ออินซูลินหรือมีน้ำหนักเกิน ช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงเบาหวาน

การปรับพฤติกรรม

  • ปรับอาหาร ลดอาหารหวาน แป้งขัดสี น้ำตาล ของทอด และเพิ่มอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3–5 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือโยคะ
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ (BMI 18.5–22.9) การลดน้ำหนักเพียง 5–10% ของน้ำหนักตัวเดิม ก็สามารถช่วยให้รอบเดือนกลับมาปกติ และการตกไข่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับไม่เพียงพออาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมนและน้ำหนักตัวได้นั่นเอง

เป็นโรค PCOS มีลูกได้ไหม?

แม้ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบจะทำให้การตกไข่ไม่สม่ำเสมอ แต่ผู้ที่เป็นโรค PCOS ก็สามารถตั้งครรภ์ได้ หากได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทาง โดยอาจใช้ยาช่วยตกไข่หรือเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น IUI หรือ IVF ร่วมด้วย นอกจากนี้ ยังต้องมีการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ ควรทําอย่างไร อ่านต่อได้ที่นี่

ถุงน้ําในรังไข่หลายใบ หรือ PCOS คือโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ หากมีอาการที่เข้าข่ายภาวะ PCOS อย่าปล่อยไว้โดยไม่ตรวจ เพราะการรู้เร็วและรักษาเร็ว จะช่วยให้สุขภาพฮอร์โมนกลับมาสมดุล และลดความเสี่ยงโรคอื่น ๆ ที่อาจตามมาในอนาคตได้

หากสงสัยว่ามีภาวะ PCOS หรือภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบหรือไม่? สามารถเข้ารับการตรวจและปรึกษาแพทย์เฉพาะทางได้ที่ Wlifeclinic เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนและระบบสืบพันธุ์ พร้อมให้คำแนะนำและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมกับแต่ละบุคคล

สูตินรีแพทย์ของ wlife clinic
นพ. พฤฒพร มณีรัตน์

สูตินรีแพทย์อนุสาขาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
ประกาศนียบัตรด้านการผ่าตัดผ่านกล้องนรีเวช

ช่องทางนัดหมายแพทย์